
เกิดเหตุถังเก็บสารเคมีของ บ.มาบตาพุด แท้งค์ เทอร์มินอล ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดพุด จ.ระยอง ระเบิดเสียงดังสนั่น ก่อนจะมีไฟไหม้บนถังเก็บสารเคมีกลุ่มควันไฟดำทะมึนพุ่งสูงขึ้นสู่ท้องฟ้า สาเหตุคาดว่ามีการชัตดาวน์ทำควาสะอาดถังก่อนระเบิดและมีไฟไหม้ คนงาน 4 ราย กระเด็นตกจากถัง เสียชีวิต 1 ราย บริษัทแถลงเสียใจต่อเหตุการณ์
เมื่อเวลา 10.37 น. วันที่ 9 พ.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุระเบิดของถังเก็บแก๊สโซลีนทรงกระบอกขนาดใหญ่ ของ บ.มาบตาพุด แท้งค์ เทอร์มินัล จก.ตั้งอยู่ริมทะเล ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ต.มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ก่อนจะมีไฟลุกไหม้ตามมา มีกลุ่มควันสีดำทะมึนพุ่งสู่ท้องฟ้าจำนวนมาก โดยหัวดับเพลิงอัตโนมัติได้ทำงานฉีดน้ำสกัด แต่ขณะนี้ไฟยังคงลุกไหม้อยู่ยังไม่สามารถดับได้
สอบถามชาวบ้านชุมชนตา-กวน ต.มาบตาพุด ซึ่งอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 7-10 กม. เปิดเผยว่า ได้ยินเสียงระเบิดดังมาก ทีแรกคิดว่าเป็นเสียงของยางรถบรรทุกระเบิด จึงออกมาดูหน้าบ้านมองไปทางทะเลเห็นกลุ่มควันไฟจำนวนมากพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า จึงรู้ว่าเป็นถังเก็บสารเคมีของโรงงานระเบิด ซึ่งจากการสอบถามชาวบ้านที่เคยเข้าไปทำงานในบริษัทดังกล่าว ยืนยันว่าช่วงนี้เป็นช่วงของการชัตดาวน์ทำความสะอาดถังเก็บสารเคมี คาดว่าน่าจะเกิดความผิดพลาดจนเกิดระเบิดขึ้น อย่างไรก็ตามขณะนี้ทางบริษัทฯ ยังไม่ออกมายืนยันสาเหตุของการเกิดเหตุระเบิดครั้งนี้แต่อย่างใด เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 3 ราย โดยสามารถดับเพลิงให้สงบได้เวลา 12.30 น.
ต่อมาเวลา 13.00 น.ไฟได้เกิดปะทุขึ้นมาอีกรอบ โดยลุกไหม้มีควันไฟลอยสูงขึ้นท้องฟ้า ก่อนจะมีเสียงระเบิดดังสนั่นตามมา 1 ครั้ง โดยเจ้าหน้าที่ประจำรถตรวจวัดคุณภาพภาพอากาศของเทศบาลเมืองมาบตาพุด ซึ่งสแตนบายอยู่จุดฝั่งชายหาดทรายทอง-ตา-กวน ได้รับแจ้งจากทางบริษัทฯ ร้องขอสนับสนุนรถดับเพลิงด้วยโฟมจากเทศบาลเมืองมาบตาพุดโดยด่วน ซึ่งคาดว่าโฟมที่ฉีดคลุมไฟเกิดหมด จึงทำให้ไฟปะทุขึ้นมาอีกรอบ ส่วนที่วัดตา-กวน มีพนักงานบริษัทใกล้เคียง กลุ่มประมงตา-กวน ซึ่งอยู่บริเวณชายหาดใกล้จุดเกิดเหตุ และ ปชช. อพยพมาอยู่วัดรวม 100 ครัวเรือน มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขมาตรวจวัดสุขภาพด้วย

ต่อมาเวลา 15.30 น. นายอัธยา นวลอุทัย หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระยอง ได้เปิดเผยว่า ขณะนี้ไฟได้ลุกไหม้ลุกลามไปถังที่ 2 แล้ว เจ้าหน้าที่ดับเพลิงฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ เพื่อให้เพลิงอยู่ในวงจำกัด จะเห็นได้จากเปลวไฟเริ่มลดความรุนแรงลง แต่ก็ยังคงลุกไหม้อย่างต่อเนื่อง สำหรับถังที่ถูกไฟไหม้เป็นถังสารโซลีน ที่มีความสูง 18 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 30 เมตร บรรจุได้ 2,500 ลูกบาศก์มตร ส่วนถังที่ 2 มีขนาดเท่ากันแต่เป็นสารคนละประเภทกัน ซึ่งลุกลามไหม้ไปแล้ว สำหรับพนักงานโรงงานใกล้พื้นที่ไฟไหม้ ได้มีการอพยพพนักงาน รวมถึงชาวบ้านในพื้นที่จุดเสี่ยงไปอยู่ที่โรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร ซึ่งอยู่ในจุดที่ปลอดภัย โดยทางสาธารณสุขจังหวัดระยอง ได้ส่งทีมแพทย์พยาบาลลงมาดูแลผู้ประสบภัยแล้ว สำหรับรายชื่อผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ นายนพพร เรือนมา ผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย 1.นายณิชฌาน ติ๊บประสอน 2.โชคชัย ชูชุ่ม 3.จักรลักษณ์ ถิ่นระแก้ว ส่วนอีกรายไม่ทราบชื่อ โดยเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ได้ระดมฉีดโฟมสกัด จนสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ในเวลา 16.30 น.ใช้เวลากว่า 8 ชม. จึงดับสงบได้

ต่อมาเวลา 20.00 น.ที่ศูนย์บัญชาการตอบโต้เหตุการณ์ฉุกเฉินฯ เทศบาลเมืองมาบตาพุด ต.มาบตาพุด อ.เมืองระยอง นายกัฬชัย เทพวรชัย รอง ผวจ.ระยอง นายคณพศ ขุนทอง รองผู้ว่า กนอ. นายอัธยา นวลอุทัย ปภ.ระยอง และนายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดมกรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจีกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทซิเมนต์ไทยโฮลดิ้งจำกัด ผู้บริหารบริษัทมาบตาพุด แท้งค์ เทอร์มินอล จก.พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เปิดแถลงข่าวการเกิดเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ถังเก็บสารเคมีของ บ.มาบตาพุด แท้งค์ เทอร์มินอล จก. จนทำให้มีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บขึ้น
นายธรรมศักดิ์ เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 10.45 น.ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ถังเก็บสารซิไนพลัส โดยมีพนักงานขึ้นไปตรวจวัดปริมาณสาร 4 คน บนถังเก็บที่มีปริมาณอยู่ในถัง 8,000 คิว แล้วเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ซึ่งยังไม่ทราบรายละเอียดเกิดจากสาเหตุใด รู้แต่ว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ โดยพนักงานทั้ง 4 คน ได้ตกจากที่สูง และถูกไฟลวกทำให้เสียชีวิต 1 ราย ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย นอกจากนี้ยังมีพนักงานดับเพลิง ได้รับบาดเจ็บขณะเข้าระงับเหตุ 2 ราย สูดดมควันไฟ โดยขณะเกิดเหตุเพลิงไหม้ทางบริษัทใช้ทั้งน้ำ และโฟมระงับเพลิง โดยได้ดับลงประมาณ 12.00 น. แต่ว่าถังที่ถูกไฟไหม้ยังมีความร้อนอยู่ทำให้ไฟปะทุขึ้นมาอีกรอบในจุดเดิมเวลาประมาณ 13.00 น. โดยไหม้เสียหายเพียง 1 ถัง จนกระทั่งในเวลา 18.00 น.จึงสามารถควบคุมเพลิงให้สงบลงได้ ซึ่งมีการตรวจอุณหภูมิที่ถังทุกชั่วโมงป้องกันไฟปะทุอีก อุณหภูมิอยู่ที่ 47-50 องศาเซลเซียส ถือว่ากลับมาอยู่ระยะที่เกือบปกติ ซึ่งจะมีการเฝ้าระวังจนมั่นใจว่าปลอดภัยจึงจะดึงสารในถังออกมาให้หมด
ส่วนอีกเรื่องต้องขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตและทางครอบครัว ซึ่งทางบริษัทจะดูแลเต็มที่ โดยเฉพาะบุตรจะส่งให้เรียนจนจบปริญญา และผู้บาดเจ็บทั้งพนักงาน และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจะรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด อย่างไรก็ตามทางบริษัทเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งจะดำเนินการหาสาเหตุ แต่งต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ ส่วนพี่น้อง ปชช.ที่อพยพไปอยู่ที่ศูนย์พักพิงโรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร ทางบริษัทได้มีตรวจคัดกรองว่ามี ปชช.ที่ได้รับผลกระทบหรือไม่ และจะเฝ้าระวังต่อไป ซึ่งในเบื้องต้นขณะนี้หลังทราบข่าวไฟดับแล้ว ได้มีการกลับเข้าบ้านเรือนตัวเองหมดแล้ว ขณะที่ทางด้านจังหวัดระยอง ได้ประกาศให้ชุมชนหนองแฟบ ตา-กวน อ่าวประดู่ เป็นพื้นที่ประสบเหตุสาธารณภัยด้วย เพื่อให้การดำเนินการเข้าระงับเหตุได้อย่างเต็มที่.

+ There are no comments
Add yours