
หมอนวดเมืองระยองเซ็ง ถูกหนุ่มขี้เมื่อยชักดาบค่านวด ใจเด็ดคว้าบัตรประชาชนและหมวกกันน็อกไว้ได้ เงินไม่มากแต่ต้องการเตือนเพื่อนหมอนวดให้ระวังจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อ
เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 14 มี.ค.67 พ.ต.ต.ไมตรี พากุล สว.(สอบสวน) สภ.เมืองระยอง ได้รับแจ้งความจากนางนิรมล โตแป้น อายุ 48 ปี หมอนวดแผนโบราณ ร้านนวดเพื่อสุขภาพระยอง ถ.ค.2 ต.เชิงเนิน อ.เมือง จ.ระยอง ว่าถูกนายสุวินัย อายุ 39 ปี ชาว อ.นิคมพัฒนา เบี้ยวจ่ายค่านวด จึงนำหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดมาแจ้งความเพื่อให้จับตัวมาดำเนินคดี

นางนิรมล ให้การว่า เมื่อเวลา 19.30 น.วันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา นายสุวินัย ได้ขี่รถ จยย.มา แล้วเดินเข้าในร้านทั้งที่ยังใส่หมวกกันน็อก ก่อนจะถามว่าจะนวด ตนเองจึงบอกว่ามีตนเองนวดคนเดียวได้ไหม ทางนายสุวินัยตอบตกลง จึงพาไปที่ห้องรวม แต่นายสุวินัย บอกว่าไม่ต้องการนวดห้องนี้ ต้องการนวดเส้น จึงพาเข้าไปนวดในห้อง หลังจากนวดผ่านไป 1 ชั่วโมง รู้สึกแปลกๆ เพราะนายสุวินัยสอบถามว่าอยู่กี่คน มีคนอื่นอยู่อีกหรือไม่ จึงรู้สึกกลัว โชคดีที่มีหมอนวดเข้ามาอีกคน เห็นท่าไม่ดี พอนวดครบ 1 ชั่วโมง จึงบอกว่าต้องจ่ายค่านวดก่อน แต่นายสุวินัยบ่ายเบี่ยง บอกค่อยจ่ายขอนวดต่ออีก 1 ชั่วโมง พอนวดไปครบครึ่งชั่วโมง จึงหยุดนวด บอกให้จ่ายค่านวดก่อน นายสุวินัยบอกว่า ไม่มีเงินติดตัวต้องไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม และใส่เสืัอผ้า แล้วเดินไปถือหมวกกันน็อก เตรียมขี่รถจยย.ออกไป แต่ตนเองไม่ยอม จับกุญแจไว้ พร้อมบอกให้เอาบัตรประชาชนไว้ นายสุวินัยจึงยอมให้ยึดหมวกกันน็อก และ บัตรประชาชนไว้ แล้วขี่รถ จยย.ออกไป รอจนร้านปิดก็ยังไม่มา วันนี้จึงนำหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพ นายสุวินัยไว้ได้ มาเป็นหลักฐานในการแจ้งความดำเนินคดี ถึงเงินจะไม่มาก แต่จำเป็นต้องแจ้งความ เพื่อเตือนร้านนวดแผนโบราณ ให้ระวังจะได้ไม่ถูกหลอกแบบตนเอง

สำหรับภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้ เป็นภาพนายสุวินัย จี่รถ จยย. ใส่เสืัอและสวมกางเกงสีดำ สวมหมวกกันน็อกจอดหน้าร้าน แล้วเดินเข้าร้าน ก่อนจะเดินออกมาเปิดเบาะรถหยิบของใต้เบาะแล้วเดินเข้าไปในร้าน ส่วนอีกคลิปเป็นภาพที่นายสุวินัยนวดเสร็จแล้วเดินออกมาที่รถ จยย.โดยมี นางนิรมล หมอนวดแผนโบราณ เดินตามออกมาจับรถ จยย.ไว้ไม่ให้ไป หลังจากคุยกันสักพักนายสุวินัย สวมหน้ากากอนามัย ได้ขี่รถ จยย.ออกไป โดยไม่ได้สวมหมวกกันน็อก
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เตรียมดำเนินการติดตามตัวนายสุวินัย ตามที่อยู่ในบัตรประชาชน มาทำการสอบสวน เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.
+ There are no comments
Add yours