
พาณิชย์ปทุมธานี จับมือพัฒนาชุมชนปทุมธานี และพาณิชย์กลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑล จัดกิจกรรมเสวนา ‘ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพด้านการตลาดออนไลน์ Digital Marketing’ โครงการส่งเสริมธุรกิจเกษตรอัจฉริยะ (Smart Agriculture Business) กิจกรรมหลัก เพิ่มขีดความสามารถทางการตลาดสินค้าเกษตร เกษตรแปรรูป และอุตสาหกรรมเกษตรของกลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑล การตลาด เสริมแกร่งด้านตลาดดิจิทัลให้เกษตรกร กลุ่มเกษตรกรและกลุ่มผู้ประกอบการนับ 100 ราย เตรียมความพร้อมสร้างมูลค่าการค้าจากการทำ MOU กว่า 8 ลบ.
นายองครักษ์ ทองนิรมล รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการเสวนาด้านการตลาดดิจิทัล ในกิจกรรมเสวนา ‘ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพด้านการตลาดออนไลน์ Digital Marketing’ โครงการส่งเสริมธุรกิจเกษตรอัจฉริยะ (Smart Agriculture Business) กิจกรรมหลัก เพิ่มขีดความสามารถทางการตลาดสินค้าเกษตร เกษตรแปรรูป และอุตสาหกรรมเกษตรของกลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑล ของกลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑล ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 28-29 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่ห้องจูปิเตอร์ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ว่ากระทรวงพาณิชย์ มีการปรับตัว ปรับแนวคิด โดยคำนึงถึงการค้าและธุรกิจรูปแบบใหม่ ผ่านนโยบายต่างๆ อาทิ การลดค่าใช้จ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส โดยการนำเทคโนโลยีนวัตกรรมเข้ามาเสริมสร้างศักยภาพการค้าให้เป็นรูปธรรม การบริหารให้เกิดความสมดุลระหว่างผู้บริโภค เกษตรกร ผู้ประกอบการ การทำงานเชิงรุกระหว่างพาณิชย์จังหวัด และทูตพาณิชย์ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการนำสินค้าไทยไปขายในต่างประเทศ โดย ‘รักษาตลาดเดิม เสริมตลาดใหม่’ การแก้ไขข้อจำกัดของกฎหมายหรือปรับปรุงข้อกฎหมายที่เก่าล้าสมัยให้ทันสมัย เป็นเรื่องที่จำเป็น การร่วมขับเคลื่อนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก โดยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยเข้าถึงตลาดและเชื่อมต่อกับการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก และการเร่งผลักดันการส่งออกให้ตัวเลขเป็นบวกยิ่งกว่าเดิม ผ่านกลไกการทูตเศรษฐกิจเชิงรุก โดยเปิดตลาดการค้าใหม่ ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน และการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ ซึ่งการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาศักยภาพด้านการตลาดและเชื่อมโยงเครือข่ายการตลาดให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการกลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑล เพื่อให้สามารถแข่งขันและขยายช่องทางการตลาด สามารถสร้างโอกาสทางการค้า ทำให้มีช่องทางในการจำหน่ายสินค้าเพิ่มมากขึ้น และยังทำให้ผู้ผลิตสามารถเชื่อมโยงกับผู้บริโภคได้โดยตรงอีกด้วย
‘การจัดกิจกรรมนี้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ยุทธศาสตร์ที่ 2 ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งมีเป้าหมายการพัฒนาที่มุ่งเน้นการยกระดับศักยภาพของประเทศในหลากหลายมิติ ที่มุ่งเน้นการเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการ พัฒนาคนรุ่นใหม่ รวมถึงปรับรูปแบบธุรกิจเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดและสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 ที่มุ่งพัฒนาภาคกลางให้เป็น ‘ฐานการผลิตสินค้าและบริการ มูลค่าสูง’ ซึ่งภาคกลางถือเป็นภาคที่มีบทบาทสําคัญในการเป็นฐานการผลิตสินค้าเกษตร เกษตรแปรรูป และสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกที่หลากหลาย และมีศักยภาพสูง การจัดกิจกรรมครั้งนี้จึงเป็นการเสริมศักยภาพด้านการตลาดดิจิทัลให้กับเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร และกลุ่มผู้ประกอบการให้สามารถขยายตลาดได้เพิ่มขึ้นในช่องทางใหม่ๆ ที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคด้วย’
ด้านนายนิมิตร ฆังคะจิตร พาณิชย์จังหวัดปทุมธานี กล่าวถึงกิจกรรมครั้งนี้ว่า มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพด้านการตลาดและเชื่อมโยงเครือข่ายการตลาดให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการ และเพื่อส่งเสริมช่องทางการตลาด รวมถึงยังเป็นการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร และผู้ประกอบการ ของกลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑล ซึ่งประกอบด้วย 4 จังหวัดคือ จังหวัดปทุมธานี จังหวัดนนทบุรี จังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดนครปฐม โดยมีผู้เข้าอบรม จำนวน 100 คน เป็นเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร และผู้ประกอบการจากกลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑล ซึ่งรูปแบบของกิจกรรมจะเป็นการเสวนา ถ่ายทอดองค์ความรู้ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในห้องเรียน โดยวิทยากรที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ด้านการตลาดดิจิทัล และนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ มีการจัดพื้นที่แสดงสินค้า showcase เพื่อเชื่อมโยงสร้างเครือข่ายเจรจาธุรกิจของกลุ่มผู้ประกอบการกลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑล 4 จังหวัด และมีการจัดบูธให้คำปรึกษาด้านธุรกิจ ด้านการเงิน และสินเชื่อกับผู้ประกอบการ ซึ่งกิจกรรมเสวนาเป็นกิจกรรมแรกของโครงการฯ ที่จะพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ เพื่อนำไปต่อยอดสู่กิจกรรมการส่งเสริมช่องทางการตลาด ในกิจกรรมที่ 2 ซึ่งกำหนดจัดกิจกรรมงานแสดงและจำหน่ายสินค้าเกษตร เกษตรแปรรูปและอุตสาหกรรมเกษตร จำนวน 1 ครั้ง ระยะเวลาการจัดงาน 5 วัน และจัดเจรจาธุรกิจการค้า Offline/ Online ระหว่างวันที่ 22-26 พ.ย.67 นี้ ณ ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค จังหวัดปทุมธานี ซึ่งคาดว่าจะสามารถต่อยอดเจรจาธุรกิจซื้อขายสินค้า เกิดมูลค่าการค้าได้ไม่น้อยกว่า 8,000,000 บาท ‘กิจกรรมครั้งนี้เกษตรกร กลุ่มเกษตรกร และผู้ประกอบการ ของกลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑลจากทั้ง 4 จังหวัด จะได้รับการถ่ายทอดความรู้ด้านการตลาดดิจิทัล ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการขยายตลาดสินค้าในช่องทางการตลาดใหม่ๆ เนื่องจากเกษตรกร และผู้ประกอบการสินค้าเกษตร เกษตรแปรรูปในกลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑลส่วนใหญ่ ยังขาดความรู้ในการขยายช่องทางการจําหน่ายสินค้า จึงส่งผลทำให้สินค้าไม่เป็นที่รู้จักในระดับประเทศ และไม่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ ซึ่งหลังจากการเสวนาในครั้งนี้เสร็จสิ้น ก็เชื่อว่าเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร และผู้ประกอบการที่เข้าร่วมการเสวนา จะสามารถนำความรู้ไปปรับปรุงพัฒนาธุรกิจของตนเอง เพื่อทำให้เกิดการยกระดับสินค้าให้มีมูลค่าเพิ่ม รองรับตลาดในยุคปัจจุบันได้มากยิ่งขึ้น’
พาณิชย์จังหวัดปทุมธานี ยังกล่าวเพิ่มเติมถึงกลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑลว่า เป็นกลุ่มที่มีลักษณะเด่นคือเป็นเมืองศูนย์กลางการบริการ ธุรกิจและการพาณิชย์ การขนส่ง การศึกษา และเมืองที่อยู่อาศัย และยังเป็นฐานการผลิตและการบริการเชื่อมโยงกับกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นศูนย์กลางกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศ จึงเป็นกลุ่มจังหวัดที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และยังเป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตร สินค้าอุตสาหกรรมที่มีความหลากหลายและมีอัตลักษณ์ ประกอบกับปัจจุบันแนวโน้มของผู้บริโภคมีความนิยมบริโภคสินค้าปลอดภัย และให้ความสําคัญในการดูแลสุขภาพมากยิ่งขึ้น ทําให้พฤติกรรมในการบริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะกลุ่มประชากรที่มีการศึกษา และอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ ซึ่งจะนิยมเลือกซื้อสินค้าที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ซึ่งมักเป็นกลุ่มสินค้าที่มีมูลค่าสูง ซึ่งการเรียนรู้ทักษะด้านการตลาดดิจิทัล หรือตลาดออนไลน์จะสามารถช่วยขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้า และก่อให้เกิดการพัฒนาสินค้าให้ตรงกับโจทย์ความต้องการของตลาดได้มากขึ้นด้วย.

+ There are no comments
Add yours